นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ เอสซีจีพี ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ปรับแผนโดยลดเงินลงทุนจากเดิมคาดว่าจะใช้ทั้งปี 20,000 ล้านบาท ลดเหลือ 16,000 ล้านบาท จากการเลื่อนลงทุนบางโครงการไปในปีถัดไป อาทิ การควบรวมกิจการกับพันธมิตร และการขยายลงทุนในเวียดนาม เพื่อให้สะท้อนกับสถานการณ์ธุรกิจ หลังจากช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 12,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้พัฒนาธุรกิจร่วมกับพันธมิตรและการควบรวมกิจการประมาณ 8,000 ล้านบาท

สำหรับปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายมีรายได้ 150,000 ล้านบาท หลังจากผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 112,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์การควบรวมกิจการกับพันธมิตร รวมถึงความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นภายหลังที่มีการเปิดประเทศและสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย 15,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสำหรับงวด 5,351 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูงคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาพรวมของเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้จนถึงต้นปี 66 คาดว่าปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภคในประเทศ การเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าที่จำเป็นสำหรับการบริโภค เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าอุปโภคอื่นๆ สำหรับเทศกาลต่างๆ ในช่วงสิ้นปี ซึ่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะตอบสนองความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ในด้านการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการสินค้าคงทนลดลง รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง